ชัวร์ก่อนแชร์ : 10 วิธีแก้อาการตากระตุกไม่หยุด จริงหรือ ?
ตากระตุกไม่หาย: อาการ สาเหตุ การรักษา และการป้องกัน
อาการตากระตุกไม่หายคืออะไร
ตากระตุกหรืออาการกระตุกของตาเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อมีการกระตุกของกล้ามเนื้อในพื้นที่รอบดวงตา สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่ดวงตาซ้ายและขวา และสามารถเป็นตากระตุกในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือสามารถเกิดอาการตากระตุกที่ยากจะหายไปได้ในระยะเวลานานขึ้น ซึ่งสามารถเป็นอาการร่วมกับข้อบ่งชี้ของภาวะทางสุขภาพที่ต้องให้ความสำคัญ
สาเหตุของอาการตากระตุกไม่หาย
การกระตุกของตานั้นสามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจมีสาเหตุที่มาจากปัจจัยภายนอกหรือภายในร่างกาย สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดประกอบด้วย:
-
ความเครียดและความตึงเครียด: การเครียดและภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการตากระตุกที่ไม่หายได้
-
ขาดน้ำ: การขาดน้ำในร่างกายอาจทำให้เกิดการกระตุกของกล้ามเนื้อตา
-
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม: การโดนแสงแดดมากเกินไปหรือทำงานที่ใกล้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการตากระตุก
-
การใช้ยาหรือสารเคมี: บางครั้งการใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาทและส่งผลให้เกิดอาการตากระตุก
-
การมีโรคทางสมอง: บางกรณีอาการตากระตุกที่ไม่หายอาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคทางสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตากระตุกไม่หาย
- ความเครียดและความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน
- การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้นระบบประสาท
- การใช้ยาหรือสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
- ขาดน้ำและภาวะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ
- สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเช่น แสงแดดเผาหรือการทำงานที่ใกล้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ
- โรคทางสมองที่อาจทำให้เกิดอาการตากระตุกเป็นอาการร่วม
อาการและอาการร่วมที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการตากระตุกไม่หาย
อาการตากระตุกที่ไม่หายมักเป็นอาการเดี่ยวๆ แต่บางครั้งอาจมีอาการร่วมที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ อาการร่วมที่พบบ่อยที่สุดประกอบด้วย:
- อาการความเครียดและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น
- อาการเบื่อหน่ายและไม่สบายใจ
- อาการปวดหัวและไมเกรน
- อาการตัวร้อนและเหงื่อออก
- อาการตาหย่อนและรู้สึกหน้าตัวหายใจลำบาก
- อาการกระสับกระส่ายของร่างกาย
วิธีการรักษาและการดูแลอาการตากระตุกไม่หาย
การรักษาอาการตากระตุกที่ไม่หายขึ้นอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ แต่สิ่งที่สามารถทำเพื่อช่วยลดอาการหรือรักษาอาการนั้น คือ:
-
หยุดพักและคลายความเครียด: ให้ความสำคัญในการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกตึงเครียด และควรหยุดพักให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
-
การใช้เทคนิคการควบคุมอารมณ์: เช่น การฝึกสติ การหายใจลึก ๆ และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
-
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: หากต้องทำงานที่ใกล้ชิดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรมีการหยุดพักให้เพียงพอและระมัดระวังในเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน
-
รับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสม: ควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย และประกอบด้วยสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติ
-
การพบแพทย์: หากอาการตากระตุกที่ไม่หายน่าเชื่อถือ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การวินิจฉัยอาการตากระตุกไม่หาย
การวินิจฉัยอาการตากระตุกที่ไม่หายนั้นอาจต้องใช้ข้อมูลการซักถามอาการของผู้ป่วยและการตรวจสอบประวัติการเกิดของอาการ การตรวจสอบภาวะทางสุขภาพอาจเป็นประโยชน์ในการหาสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ หากจำเป็นแพทย์อาจสั่งการตรวจเพิ่มเติมเช่น การตรวจสอบภาพถ่ายหรืออื่น ๆ เพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบประสาท
การป้องกันอาการตากระตุกไม่หาย
เพื่อป้องกันอาการตากระตุกที่ไม่หายขึ้น ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลสุขภาพและการลดความเครียด ๆ ควรให้ความสำคัญในการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากนี้ยังควรปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้เพื่อลดความเป็นไปได้ในการเกิดอาการตากระตุกที่ไม่หาย:
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เครียดและตึงเครียดมากเกินไป
- ดูแลสุขภาพร่างกายและรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสม
- ปรับปรุงการนอนหลับให้เพียงพอและมีความสบาย
- หยุดพักในการทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานๆ
- ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในการลดความเครียด เช่น การฝึกโยคะ การออกกำลังกาย เป็นต้น
คำแนะนำและการใช้ชีวิตในกรณีที่เป็นอาการตากระตุกไม่หาย
หากท่านมีอาการตากระตุกที่ไม่หายน่าเชื่อถือ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจต้องสั่งการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้กับท่าน
อย่าละเลยอาการตากระตุกที่ไม่หายเป็นเรื่องเล็กน้อย หากมีอาการร่วมที่เกิดขึ้น ควรตรวจสอบสภาพทางร่างกายเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขให้เหมาะสม
การดูแลสุขภาพที่ดีและการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและลดโอกาสในการเกิดอาการตากระตุกที่ไม่หายขึ้นในอนาคต
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ตากระตุกไม่หาย ตากระตุกข้างขวา หลายวันแล้ว, วิธีแก้ตากระตุก, ตากระตุกเกิดจาก ขาดวิตามินอะไร, ตากระตุกข้างซ้าย หลายวันแล้ว, ตากระตุกทั้งวัน, ตากระตุกข้างขวาไม่หยุด, ตากระตุกข้างซ้าย เกิดจากอะไร, ใต้ตากระตุก
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ตากระตุกไม่หาย

หมวดหมู่: Top 55 ตากระตุกไม่หาย
ทำยังไงให้หายตากระตุก
ทำยังไงให้หายตากระตุก: คำแนะนำและข้อมูลอย่างละเอียด
คำนำ
ตากระตุกหรือที่เรียกกันในนามของชาวไทยว่า “ตาตะโกน” เป็นอาการที่คนส่วนใหญ่เคยประสบกันมาบ้างครั้ง อาการนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด และทำให้ความไม่สบายในชีวิตประจำวัน ตากระตุกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย อายุใดๆ อย่างไรก็ตาม โดยอาการนี้อาจสัมผัสได้ที่ทั้งตาหนึ่งข้างหรือทั้งสองข้าง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะในช่วงเวลาใกล้ชิดหรือก่อนนอนหลับด้วย
ในบทความนี้เราจะพาท่านไปค้นหาสาเหตุของตากระตุก รวมถึงวิธีแก้ไขและการป้องกันอาการนี้ให้กับคุณอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการตากระตุกที่รุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สาเหตุของตากระตุก
ตากระตุกเกิดขึ้นเมื่อมีกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา (กล้ามเนื้อหน้าตา) ทำงานผิดปกติ สาเหตุของอาการนี้อาจมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของตา ซึ่งอาจเป็นดังนี้:
-
ความเครียดและภาวะเครียด: เมื่อคุณอยู่ในสภาพที่ตึงเครียด การทำงานของระบบประสาทอาจเปลี่ยนแปลง อาการตากระตุกอาจเกิดขึ้นเป็นผลจากความเครียดหรือภาวะเครียดที่ควบคุมไม่ได้
-
การนอนหลับไม่เพียงพอ: การขาดนอนหลับหรือนอนไม่เต็มเวลาอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตากระตุก เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนและการนอนหลับที่เพียงพอเป็นอย่างยิ่ง
-
สภาพแวดล้อม: ความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม อาทิเช่น แสงสว่างที่แปรปรวน หรือสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นสูง อาจกระตุ้นให้ตากระตุก
-
การบริโภคสารกายติดต่อ: สารที่บริโภคเข้าไปในร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ซึ่งอาจทำให้ตากระตุก
-
สภาวะทางสุขภาพ: บางครั้งอาการตากระตุกอาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาวะทางสุขภาพที่ไม่ดี เช่น ภาวะอ่อนเพลีย หรือขาดสารอาหารบางชนิด
-
การใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์: การใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้ตากระตุก เนื่องจากสามารถทำให้ตาทำงานหนักเกินไป
-
การบริโภคสุราหรือกาแฟ: สุราและกาแฟเป็นต้นอาจมีส่วนสร้างเสริมความผันผวนให้กับระบบประสาท ส่งผลให้ตากระตุก
-
การแพ้สิ่งต่างๆ: สารเคมีหรือสิ่งที่ทำให้คุณแพ้ อาทิเช่น สารเคลือบหน้าหนังในเครื่องเสื้อผ้า สารเคมีในเครื่องสำอาง เป็นต้น อาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของตาและทำให้ตากระตุก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ตากระตุกเกิดขึ้น แต่สำหรับบางกรณี สามารถพบเหตุการณ์ที่ทำให้ตากระตุกไม่ได้ ซึ่งเป็นที่น่าตกใจของผู้ป่วยอีกด้วย
อาการและอาการข้างเคียงของตากระตุก
อาการหลักของตากระตุกคือการเคลื่อนไหวของตาที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วยสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่:
-
อาการเสียงดัง: อาการเสียงดังภายในตา เป็นอาการที่สัมผัสได้ง่าย และส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในตา
-
อาการเจ็บหน้า: บางครั้งอาจมีอาการเจ็บหน้าเกิดขึ้น แต่มักจะเป็นอาการที่เล็กน้อย
-
อาการหน้าอื้อ: หน้าอื้อหรืออาการที่ทำให้ตามองไปทางใดทางหนึ่งแบบรวดเร็ว โดยไม่สามารถควบคุมได้
-
อาการซึม: การซึมหรือการเคลื่อนไหวของตาอาจเป็นอย่างรวดเร็วหรือทำให้ตามีสีที่เห็นได้ง่าย
-
อาการตาเขียวหรือเจ็บ: บางครั้งอาจมีอาการเจ็บหรือเจ็บแสบของตาขณะที่เกิดตากระตุก
-
อาการแห้ง: ตากระตุกอาจทำให้ตามีอาการแห้ง
วิธีแก้ไขและการป้องกันตากระตุก
เมื่อทราบถึงสาเหตุของตากระตุกและอาการที่คุณมี ต่อไปคือวิธีแก้ไขและการป้องกันอาการนี้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการตากระตุกที่รุนแรงหรือค่อนข้างน่าเชื่อถือ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
วิธีแก้ไขตากระตุก
-
พักผ่อนให้เพียงพอ: ควรให้ตาพักผ่อนเพียงพอ ลองปิดตาและพักผ่อนในช่วงเวลาที่ทำงานหนักหรือสัมผัสสิ่งที่ทำให้ตาระคายเคือง
-
แช่ตาด้วยน้ำเย็น: การแช่ตาด้วยน้ำเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการตากระตุกได้ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในตา
-
เคลื่อนไหวตาอย่างช้าๆ: ลองเคลื่อนไหวตาอย่างช้าๆ โดยระมัดระวังไม่ให้เคลื่อนไหวรวดเร็ว สามารถทำซ้ำๆ ได้หลายครั้ง
-
ฝึกปรับสภาพการนอน: ควรฝึกปรับสภาพการนอนให้เหมาะสม นอนหลับในที่ที่มืด หรือใช้หมอนที่เหมาะสมสำหรับหลับง่าย
-
ลดการบริโภคสุราและกาแฟ: หากคุณมักบริโภคสุราหรือกาแฟเป็นประจำ ควรพยุงน้ำตาหรือลดปริมาณการบริโภค
-
เสริมสารอาหารที่จำเป็น: ควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์และเสริมสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสายตา อาทิเช่น วิตามินบี วิตามินเอ และแคลเซียม
การป้องกันตากระตุก
-
เลี่ยงสาเหตุ: ควรหาวิธีลดสาเหตุที่ทำให้เกิดตากระตุก อาทิเช่น ลดการเคลื่อนไหวตาหรือการใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ
-
บริหารสุขภาพ: ควรรักษาระดับสุขภาพให้อยู่ในระดับที่ดี เช่น ออกกำลังกาย บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ และหากมีภาวะทางสุขภาพที่ไม่ดี ควรรับการรักษาทันที
-
หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอาการ: หากทราบว่าสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดอาการตากระตุก ควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมนั้น
-
ปรับพฤติกรรมในการใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์: หากคุณมักใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ควรพักผ่อนตาบ่อยๆ และปรับใช้หน้าจอให้เหมาะสม
-
ควบคุมความเครียด: ควรหาวิธีควบคุมความเครียดและภาวะเครียดให้ดี เช่น การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการพักผ่อน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตากระตุก
-
การตากระตุกเป็นอาการที่รุนแรงแค่ไหนถึงควรพบแพทย์?
การตากระตุกที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อาการที่ควรสังเกตคือ การตากระตุกที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่หายหรือหนักขึ้น และมีอาการข้างเคียงที่น่าเชื่อถือ เช่น เจ็บหน้า หรืออาการตาเขียว -
อาการตากระตุกสามารถรักษาได้หรือไม่?
อาการตากระตุกส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ การรักษาอาจเป็นเพียงการปรับปรุงสภาพการนอนหลับ การลดการใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ และการบริหารจัดการสุขภาพ หากอาการตากระตุกรุนแรงและไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม -
การตากระตุกเกิดขึ้นส่วนใหนของตาบ่อยที่สุด?
การตากระตุกอาจเกิดขึ้นที่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง แต่มักเกิดขึ้นบ่อยที่ตาข้างเดียว -
เสียงที่เกิดขึ้นในตากระตุกเกิดขึ้นจากอะไร?
เสียงที่เกิดขึ้นในตากระตุกอาจเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในตา ซึ่งสามารถรับรู้ได้ง่ายและเป็นที่น่าสัมผัส -
การตากระตุกเกิดขึ้นบ่อยที่ใคร?
การตากระตุกเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย อายุใดๆ และสภาพความเป็นอยู่ใดๆ
สรุป
การตากระตุกเป็นอาการที่ทำให้ความไม่สบายในชีวิตประจำวัน สาเหตุของตากระตุกอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิเช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ สภาพแวดล้อม การบริโภคสารกายติดต่อ สภาวะทางสุขภาพ การใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และการแพ้สิ่งต่างๆ อาการหลักของตากระตุกคือการเคลื่อนไหวของตาที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากคุณมีอาการตากระตุกที่รุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การป้องกันอาการตากระตุกสามารถทำได้โดยเลี่ยงสาเหตุ บริหารสุขภาพให้อยู่ในสภาพที่ดี และปรับพฤติกรรมในการใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
ตากระตุกเวลาไหนบอกอะไร
ตากระตุกเวลาไหนบอกอะไร: ทำไมตาถึงกระตุกและสาเหตุที่เกิดขึ้น
ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสามารถเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและน่าท้าทายพร้อมกัน หนึ่งในอาการที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่อาจทำให้คุณสงสัยคือ “ตากระตุก” อาการนี้เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย และหากเป็นอาการที่ไม่รุนแรงอาจไม่มีผลกระทบอะไรต่อสุขภาพ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือค่อนข้างรุนแรงอาจต้องให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพอาจแสดงถึงสัญญาณเตือนบางอย่าง ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับอาการตากระตุกเวลาไหนบอกอะไร สาเหตุที่เกิดขึ้น และวิธีการรับมือกับอาการนี้ในกรณีที่มันไม่ปกติเกินไป
ตากระตุกคืออะไร?
ตากระตุกหมายถึงการกระตุกของกล้ามเนื้อตาโดยไม่ควบคุม อาการนี้อาจเกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ของตา เช่น ชายตาหรือตาล่าง การกระตุกอาจเป็นเรื่องราวแปลกประหลาดและน่ารำคาญ แต่ในส่วนใหญ่มักจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและไม่ต้องกังวล อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือสัปดาห์ก็เป็นไปได้ แต่หากการกระตุกนั้นรุนแรงและมีขั้นตอนมากขึ้น อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายและมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคุณ ในกรณีนี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
สาเหตุของตากระตุก
ตากระตุกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตาหรือประสาทตาทำงานผิดปกติ อาการนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือเป็นประจำ สาเหตุที่ทำให้ตากระตุกอาจ包括:
-
ความเครียดและภาวะเครียด: เมื่อคุณอยู่ในสภาวะเครียด ร่างกายอาจตอบสนองด้วยการกระตุกของกล้ามเนื้อต่างๆ ได้แก่ กล้ามเนื้อตา ทำให้เกิดอาการตากระตุก
-
ข้อเสื่อมของสายตา: อาจเกิดจากการใส่เลนส์ตาที่ไม่เหมาะสมหรือเลนส์ตาที่มีปัญหา เช่น คราบคร่อม
-
การนอนหลับไม่เพียงพอ: ขาดนอนหลับหรือนอนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการอาจทำให้เกิดอาการตากระตุก
-
ความเมื่อยล้า: การใช้แก็งตาหรือกล้ามเนื้อตามากเกินไปอาจเป็นสาเหตุให้ตากระตุก
-
สภาพแวดล้อม: ความร้อนหรือความหนาวที่มากเกินไปอาจเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อตากระตุก
-
สารเคมี: บางสารเคมีหรือยาบางชนิดอาจมีผลกระทบให้เกิดอาการตากระตุก
-
สภาพอากาศ: สภาพอากาศที่แปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของอากาศที่ร้อนชื้นหรือแห้งเป็นต้น อาจส่งผลให้เกิดอาการนี้
-
ปัญหาในระบบประสาท: อาจเกิดจากปัญหาระบบประสาทหรือโรคที่ส่งผลต่อประสาทตา
ตากระตุกเวลาไหนบอกอะไร: สัญญาณเตือนจากตา
ตากระตุกบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ ซึ่งอาจช่วยให้คุณรับรู้ถึงสภาพร่างกายที่อาจไม่สมบูรณ์ ดังนี้:
-
สภาพอารมณ์และระดับความเครียด: เมื่อคุณอยู่ในสภาวะเครียดหรือมีความรู้สึกไม่สบายใจ ตาอาจกระตุกเป็นสัญญาณเตือนให้คุณระมัดระวังและมองดูสุขภาพจิตใจของคุณ
-
ภูมิคุ้มกัน: ตากระตุกอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายกำลังทำการซ่อมแซมและสร้างภูมิคุ้มกัน
-
ปัญหาทางสุขภาพ: อาการตากระตุกบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนเมื่อมีปัญหาทางสุขภาพ เช่น การหมดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ หรือโรคที่มีผลกระทบต่อระบบประสาท
-
ข้อสงสัยถึงระบบประสาท: ตากระตุกอาจเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาระบบประสาทที่ยังไม่เปิดเผย หากคุณมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ
วิธีการรับมือกับตากระตุก
ตากระตุกที่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นบางครั้งอาจไม่ต้องรับมืออะไร แต่หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการตากระตุกบ่อยๆ อาจลองปฏิบัติตามแนวทางด้านล่างนี้เพื่อลดอาการ:
-
การสวมแว่นตาที่เหมาะสม: แนะนำให้สวมแว่นตาที่เหมาะสมและอยู่ในสภาพดีเพื่อลดการกระตุกของตา
-
การหยุดพักเมื่อใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: ควรพักตาและกล้ามเนื้อตาอย่างน้อยทุก ๆ 30 นาที หากคุณใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน
-
การนอนหลับเพียงพอ: ควรหาเวลานอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
-
การควบคุมความเครียด: ควรใช้เทคนิคการควบคุมความเครียดเพื่อลดอาการตากระตุกที่เกิดขึ้นจากสภาวะเครียด
-
การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเครียดและกระตุกของตาได้
-
การหายใจคลาย: การฝึกหายใจคลาย หายใจลึก ๆ และหายใจออกเพื่อลดความกังวลและเสริมสร้างสภาพอารมณ์ที่ดี
หากคุณมีอาการตากระตุกที่รุนแรงและไม่ดีขึ้นด้วยการปฏิบัติตามแนวทางข้างต้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
คำถามที่พบบ่อย
1. อาการตากระตุกเป็นอาการที่รุนแรงหรือไม่?
ตากระตุกในส่วนใหญ่มักจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และสามารถหายเองได้เมื่อมีการพักผ่อนหรือลดความเครียด แต่หากมีอาการรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและวินิจฉัยอาการ
2. สาเหตุของตากระตุกคืออะไร?
ตากระตุกอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียดและภาวะเครียด ข้อเสื่อมของสายตา การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเมื่อยล้า สภาพแวดล้อม สารเคมี และปัญหาในระบบประสาท เป็นต้น
3. ตากระตุกเวลาไหนบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพ?
ตากระตุกบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสุขภาพ อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายกำลังซ่อมแซม มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น การหมดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือเป็นสัญญาณที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ หากมีความสงสัยควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ
4. มีวิธีการรับมือกับตากระตุกอย่างไร?
การรับมือกับตากระตุกสามารถทำได้ด้วยการใส่แว่นตาที่เหมาะสม หยุดพักเมื่อใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอนหลับเพียงพอ ควบคุมความเครียด ออกกำลังกาย และฝึกหายใจคลาย
5. ตากระตุกสามารถหายเองได้หรือไม่?
ตากระตุกส่วนใหญ่มักหายเองเมื่อร่างกายได้พักผ่อนหรือลดความเครียด แต่หากเกิดอาการรุนแรงและไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม
สรุป
ตากระตุกเวลาไหนบอกอะไรเป็นอาการที่มีอยู่ในส่วนใหญ่ของคน และอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่แล้วอาการนี้ไม่รุนแรงและสามารถหายเองเมื่อพักผ่อนหรือลดความเครียด อย่างไรก็ตามหากมีอาการรุนแรงและไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม การดูแลสุขภาพตาอย่างเหมาะสมและการพบแพทย์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยาวนาน หากมีคำถามเพิ่มเติมหรืออาการที่คุณต้องการคำแนะนำความเห็นชี้แนะเพิ่มเติมควรพบแพทย์เพื่อการประเมินอาการและการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม
ดูเพิ่มเติมที่นี่: maycamtay.net
ตากระตุกข้างขวา หลายวันแล้ว
ตากระตุกข้างขวา หลายวันแล้ว: อาการ สาเหตุ และวิธีการจัดการ
เนื้อหา
- ความเป็นมาของตากระตุกข้างขวา
- สาเหตุของตากระตุกข้างขวา
- ตัวอาการและอาการที่เกิดขึ้น
- การวินิจฉัย
- การรักษาและการจัดการ
- การป้องกัน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตากระตุกข้างขวา
1. ความเป็นมาของตากระตุกข้างขวา
ตากระตุกหรืออาการตาตัวเองแรงลง หมายถึงการกระตุกของกล้ามเนื้อที่อยู่ใกล้ตาในขณะที่มีประสิทธิภาพที่ขาดแคลน อาการนี้อาจเป็นทั้งชั่วคราวและซ้ำๆ กัน และส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพส่วนใหญ่ของคนที่มีอาการนี้
2. สาเหตุของตากระตุกข้างขวา
ตากระตุกข้างขวาอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่อาจจะมีสาเหตุที่สำคัญคือ:
ข้อเสียเนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้ตาเมื่องเครียดและกระตุกขึ้น ความเครียดนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับของสายตาและผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จำนวนมากอาจรู้สึกอาการตากระตุกอย่างบ่อยครั้ง
เครียดและภาวะอารมณ์: ภาวะเครียดและภาวะอารมณ์ที่ไม่ดีอาจเป็นสาเหตุให้ตากระตุกเกิดขึ้น ความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหรือภาวะที่ตึงเครียดต่อเนื่องอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อใกล้ตากระตุกอย่างไม่สมดุลกัน
ขาดสารอาหารและสารอาหารที่เสื่อมสภาพ: ขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินบีและแคลเซียม อาจส่งผลให้ตากระตุกข้างขวา นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่เสื่อมสภาพเช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการตากระตุกขึ้น
เนื่องจากภูมิคุ้มกันป่อง: ภูมิคุ้มกันป่องหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่เข้าไปส่งผลกระทำต่อระบบประสาทอาจทำให้เกิดอาการตากระตุกข้างขวา ซึ่งอาจเป็นเพียงอาการที่มีผลเสียต่อการดูแลความเครียด
3. ตัวอาการและอาการที่เกิดขึ้น
ตากระตุกข้างขวาอาจเกิดขึ้นเป็นชั่วคราวหรือในบางกรณีอาจเป็นเรื่อยๆ ตากระตุกเนื่องจากสาเหตุต่างๆ สามารถแสดงอาการที่หลากหลายลักษณะ เช่น
อาการตากระตุก: อาการตากระตุกเป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด และมักเกิดเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อาจกระตุกในบางครั้งหรือซ้ำๆ กันเป็นระยะเวลา
อาการแสดงอาการที่ตาอื่นๆ: อาจมีอาการที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการตากระตุก ได้แก่ ตาบวม แสบ หรืออาการคันตา
4. การวินิจฉัย
ในกรณีที่มีอาการตากระตุกที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและตรวจสอบสาเหตุของอาการให้ชัดเจน แพทย์อาจใช้วิธีตรวจเพื่อค้นหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับอาการ และจะให้คำแนะนำในการรักษาและจัดการตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตากระตุกข้างขวา
5. การรักษาและการจัดการ
การรักษาและการจัดการตากระตุกข้างขวาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ดังนี้:
การลดความเครียด: หากความเครียดเป็นสาเหตุของอาการตากระตุก ควรพยุงให้เวลาในการพักผ่อนและใช้เทคนิคการลดความเครียด เช่น การฝึกโยคะ การหายใจลึกๆ และเทคนิคการควบคุมอารมณ์
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการตากระตุกขึ้น เช่น อาหารที่มีคาเฟอีนในปริมาณมากๆ และแอลกอฮอล์
การพบแพทย์: หากอาการตากระตุกไม่ดีขึ้นหรือยังคงมีอาการนานเกินไป ควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาและการจัดการอย่างเหมาะสม
6. การป้องกัน
ไม่มีวิธีป้องกันตากระตุกข้างขวาอย่างแน่นอน แต่สามารถลดความเสี่ยงให้น้อยลงได้โดยการปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้:
ควบคุมสุขภาพจิต: การหายใจลึกๆ การฝึกโยคะ และการควบคุมอารมณ์สามารถช่วยลดความเครียดและความกังวลที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการตากระตุกขึ้น
รับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอ: การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารเพียงพอและสมดุลจะช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานอย่างปกติ
ลดการบริโภคสารที่กระตุกประสาท: ลดปริมาณการบริโภคสารเสพติดหรือสารอื่นๆ ที่อาจกระตุกประสาท เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์
7. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตากระตุกข้างขวา
คำถาม: ตากระตุกข้างขวาเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดบ้าง?
คำตอบ: ตากระตุกข้างขวาอาจเกิดขึ้นเพราะสาเหตุหลายประการ เช่น ข้อเสียเนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานๆ ความเครียด ขาดสารอาหารและสารอาหารที่เสื่อมสภาพ ภูมิคุ้มกันป่อง เป็นต้น
คำถาม: มีวิธีรักษาตากระตุกข้างขวาอย่างไร?
คำตอบ: วิธีรักษาตากระตุกข้างขวาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ อาจรวมถึงการลดความเครียด การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาและการจัดการอย่างเหมาะสม
คำถาม: อาการตากระตุกข้างขวามีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่?
คำตอบ: ส่วนใหญ่การกระตุกของตาไม่มีผลเสียต่อสุขภาพหรือมีผลที่เล็กน้อย เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นเป็นชั่วคราวหรือซ้ำๆ กัน และมักไม่ก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงขึ้น
คำถาม: วิธีป้องกันตากระตุกข้างขวาคืออะไร?
คำตอบ: ไม่มีวิธีป้องกันตากระตุกข้างขวาอย่างแน่นอน แต่สามารถลดความเสี่ยงให้น้อยลงได้โดยการควบคุมสุขภาพจิต รับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอ และลดการบริโภคสารที่กระตุกประสาท
สรุป
ตากระตุกข้างขวาเป็นอาการที่กระตุกของกล้ามเนื้อใกล้ตาซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่การกระตุกตาจะไม่มีผลเสียต่อสุขภาพหรือมีผลที่เล็กน้อย การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอ ควบคุมสุขภาพจิต และลดการบริโภคสารที่กระตุกประสาทอาจช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงได้ แต่หากมีอาการตากระตุกที่รุนแรงและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม
วิธีแก้ตากระตุก
วิธีแก้ตากระตุก: รับรู้เหตุผลและวิธีการแก้ไขให้กล้าในร่างกาย
คำอธิบาย:
การตากระตุกคืออาการเล็กน้อยที่มีผลกระทบต่อสายตา ซึ่งส่งผลให้ดวงตาเคลื่อนไหวอย่างไม่ควบคู่ สภาวะนี้อาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงหรือในสภาพแวดล้อมที่น่ารำคาญ ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย แต่โดยทั่วไปแล้ว การตากระตุกไม่ใช่อาการที่น่าเป็นห่วงในทางการแพทย์ และมักจะหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากความผิดปกติที่ตากระตุกมีอาการรุนแรงและเกิดบ่อยควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม
สาเหตุของตากระตุก:
ตากระตุกอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจรวมถึงปัจจัยดังนี้:
-
เหนื่อยของดวงตา: การใช้สายตานานเกินไปหรือการเหนื่อยของดวงตาอาจเป็นสาเหตุให้ตากระตุก เช่น เมื่อทำงานที่ต้องเห็นงานเป็นเวลานานหรือเมื่อมีการใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระยะเวลายากหลาก
-
ความเครียดและวิตกกังวล: ความเครียดหรือวิตกกังวลที่มีปริมาณมากสามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและเป็นสาเหตุให้ตากระตุก การเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าเครียดหรือการมีความกังวลเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้านตา
-
ขาดสารอาหารที่สำคัญ: สารอาหารบางชนิดที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้ออาจทำให้เกิดตากระตุก ตัวอย่างเช่น การขาดแคลเซียม แมกนีเซียม หรือวิตามิน B12
-
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่มีความร้อน หรือเหน็บและมีแสงแดดมากๆ อาจส่งผลกระทบต่อสายตาและเป็นสาเหตุให้ตากระตุก
-
โรคทางสมองและระบบประสาท: บางกรณีตากระตุกอาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรืออาจเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดที่สมองหรือใกล้เคียงกับสมอง
วิธีแก้ตากระตุก:
หากคุณประสบกับปัญหาตากระตุกแบบเล็กน้อยที่ไม่รุนแรงและไม่ระบาดมาก สิ่งที่คุณทำเพื่อลดอาการหรือยกเลิกไปคือ:
-
หยุดใช้สายตา: หากคุณรับรู้ว่าตาของคุณเหนื่อยหรือมีเสียงดังที่เร้าใจ ควรหยุดพักจากการใช้สายตาหรือกิจกรรมที่ทำให้ตาเสียหาย
-
แนบตา: การแนบตาเป็นอาการที่ช่วยให้ตาคุณได้พักผ่อน โดยใช้นิ้วก้อนนิ้วนามช้างหรือวัตถุอื่นๆ แนบตาอ่อนๆ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ต้องการพักผ่อนได้
-
แช่ดวงตาด้วยน้ำเย็น: ใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำเย็น แล้วค่อยๆ แช่ไว้บนดวงตาเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อช่วยลดอาการตากระตุก
-
หายใจลึกๆ และผ่อนคลาย: การหายใจลึกๆ และผ่อนคลายสามารถช่วยลดความเครียดและวิตกกังวลภายในร่างกาย ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดตากระตุก
-
เติมความเป็นอิสระให้กับตา: ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องการใช้สายตาหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับสายตา ควรหาวิธีที่จะเพิ่มความเป็นอิสระให้กับตา เช่น การปิดตาเพื่อพักผ่อน
-
ควบคุมสภาพแวดล้อม: พยุงตัวให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสายตา เช่น ควบคุมการใช้แสงในห้อง หรือเพิ่มความชื้นในสภาพแวดล้อม
หากอาการตากระตุกยังคงมีอยู่และไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยสาเหตุและตรวจสอบสภาพของตาอย่างละเอียด แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจสอบสภาพการเคลื่อนไหวของตา การตรวจสอบสภาพแวดล้อมและการใช้สายตา หรือการตรวจค้นสาเหตุทางระบบประสาท
FAQ:
1. ตากระตุกเป็นอาการที่น่าเป็นห่วงหรือไม่?
ตากระตุกแบบเล็กน้อยและไม่รุนแรงที่ไม่พร้อมกับอาการอื่นๆ อาจจะไม่น่าเป็นห่วงในทางการแพทย์ และมักจะหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากอาการตากระตุกเป็นระยะเวลานานหรือเกิดขึ้นบ่อยควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม
2. วิธีการแก้ไขตากระตุกที่มีประสิทธิภาพคืออะไร?
วิธีการแก้ไขตากระตุกที่มีประสิทธิภาพคือการให้ตาพักผ่อนจากการใช้สายตานานเกินไป การผ่อนคลายความเครียดและวิตกกังวล การเติมความเป็นอิสระให้กับตา และการควบคุมสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสายตา
3. ตากระตุกเกิดขึ้นจากสาเหตุใดบ้าง?
ตากระตุกอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น การใช้สายตานานเกินไปหรือเหนื่อยของดวงตา ความเครียดและวิตกกังวล ขาดสารอาหารที่สำคัญ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น ความร้อน แสงแดด รวมถึงโรคทางสมองและระบบประสาท
4. ควรปรึกษาแพทย์หากตากระตุกยังคงคงมีอยู่หลังจากการทำวิธีแก้ไขที่มีให้ลองแล้วใช่หรือไม่?
ใช่ ถ้าคุณประสบกับอาการตากระตุกที่รุนแรงและยังคงคงความถี่ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุในระบบตาและระบบประสาท
พบใช่ 34 ตากระตุกไม่หาย.























![Blockพูดได้byข้าวน้อยฯ] ตาขวากระตุก มันคือลางบอกเหตุร้ายหรือเรากำลังป่วยไข้ ไม่สบายกันแน่❓ คำโบราณท่านว่าไว้ หนังตากระตุกเป็นลางบอกเหตุ กระตุกขวา ร้าย กระตุกซ้าย ดี Blockพูดได้Byข้าวน้อยฯ] ตาขวากระตุก มันคือลางบอกเหตุร้ายหรือเรากำลังป่วยไข้ ไม่สบายกันแน่❓ คำโบราณท่านว่าไว้ หนังตากระตุกเป็นลางบอกเหตุ กระตุกขวา ร้าย กระตุกซ้าย ดี](https://t1.blockdit.com/photos/2021/04/6072e638341f8a0c4a6f7f18_800x0xcover_i8Wm8I-4.jpg)
























ลิงค์บทความ: ตากระตุกไม่หาย.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ตากระตุกไม่หาย.
- ตากระตุก – อาการ, สาเหตุ, การรักษา – พบแพทย์ – Pobpad
- เปลือกตากระตุก อาจไม่ใช่แค่ความรำคาญ | Bangkok Hospital
- ตากระตุก เสียงจากร่างกายที่ไม่ใช่แค่เรื่องของโชคลาง
- ตากระตุก สัญญาณเตือนของโรคร้าย – โรง พยาบาล เพชรเวช
- เปลือกตากระตุก อาจไม่ใช่แค่ความรำคาญ | Bangkok Hospital
- ตากระตุก สัญญาณเตือนของโรคร้าย – โรง พยาบาล เพชรเวช
- หนังตากระตุกภาวะที่ควรเฝ้าระวัง
- ตากระตุกข้างซ้าย ทํานายว่าอย่างไร อ่านลางบอกเหตุตามความเชื่อได้ที่นี่
- หนังตากระตุกภาวะที่ควรเฝ้าระวัง
- “ตากระตุก” เกิดจากอะไร เป็นบ่อยๆ อันตรายหรือไม่ – Sanook
- ตากระตุก เกิดจากอะไร? แบบไหนต้องรีบไปพบหมอด่วน!!
- ตาขวากระตุก ลางบอกเหตุ หรือลางบอกโรค? – หมอ ดี MorDee
- ตากระตุกข้างขวา สัญญาณเตือนภัยของร่างกาย ไม่ใช่แค่เรื่องโชคลาง
ดูเพิ่มเติม: blog https://maycamtay.net/may-han